อุปกรณ์
ทั้งหมดของคุณ

บนประสบการณ์
หนึ่งเดียว

แบบไร้รอยต่อ

เมื่อใช้ Mac, iPad, iPhone หรือ Apple Watch คุณก็สามารถทำอะไรๆ
ที่เหลือเชื่อได้
แต่ถ้าใช้ทั้งหมดร่วมกัน บอกเลยว่าคุณจะทำอะไรได้มาก
ยิ่งกว่าที่เคย ไม่ว่าจะเป็นการโทรออกและรับสายโดยไม่ต้องหยิบ iPhone
ขึ้นมา รวมถึงการใช้ iPad เพื่อขยายพื้นที่การทำงาน
ให้กับ Mac ของคุณ
และเมื่อใส่ Apple Watch อยู่ คุณก็สามารถปลดล็อค Mac ของคุณ
ได้โดยอัตโนมัติ เหมือนกับว่าทั้งหมดนี้สร้างมาเพื่อกันและกันตั้งแต่แรกเริ่มนั่นเอง

พร้อมให้ใช้งานต้นปี 2022

ควบคุมจากอุปกรณ์กลางรวมใจเป็นหนึ่งเดียว

ควบคุมได้ทั้ง Mac และ iPad ของคุณด้วยคีย์บอร์ดหนึ่งชิ้นกับเมาส์หรือแทร็คแพด จะเลื่อนเคอร์เซอร์ไปมาระหว่างกันก็ทำได้อย่างลื่นไหล และสร้างสรรค์ได้ในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนด้วยขุมพลังของอุปกรณ์ทั้งคู่ เช่น ใช้ Apple Pencil เพื่อวาดภาพประกอบที่เต็มไปด้วยรายละเอียดบน iPad จากนั้นใช้เมาส์ลากลงไปในงานนำเสนอที่คุณกำลังประกอบร่างอยู่ใน Mac ก็ทำได้

AirPlay ไปที่ Macเอาขึ้นจอได้เลย

คุณสามารถแชร์คอนเทนต์อย่างวิดีโอหรือสไลด์ Keynote จากอุปกรณ์ Apple เครื่องอื่นมาที่หน้าจอ Mac ที่ทั้งใหญ่และมีคุณภาพสูง หรือจะสะท้อนหรือขยายหน้าจอเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้นคุณยังใช้ Mac เป็นลำโพง AirPlay แล้วเพลิดเพลินไปกับคุณภาพเสียงที่คมชัดดังกระหึ่มทั่วห้อง ขณะเล่นเพลงจากอุปกรณ์เครื่องอื่นได้อีกด้วย

Sidecar ขยายพื้นที่เดสก์ท็อป
ของคุณ ด้วย iPad

คุณสมบัติ Sidecar ให้คุณขยายพื้นที่ทำงานโดยใช้ iPad เป็นจอภาพที่สองคู่ไปกับ Mac
ดังนั้นคุณจะทำงานในแอปหนึ่งแล้วเปิดอีกแอปดูไปพร้อมๆ กัน หรือเปิดดูพื้นที่ผืนผ้าใบหลัก
บนจอหนึ่งขณะเปิดเครื่องมือและพาเลตสีบนจอของอีกเครื่องก็ทำได้ นอกจากนี้คุณยังสะท้อนหน้าจอเพื่อให้ทั้งสองจอภาพแสดงคอนเทนต์เดียวกัน
ได้ด้วย ซึ่งเหมาะมากสำหรับแชร์ให้
คนอื่นๆ เห็นในแบบเดียวกับที่คุณเห็นเป๊ะๆ

ถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์ของคุณด้วย Apple Pencil คุณสมบัติ Sidecar
ได้นำความง่ายในการใช้งานและความแม่นยำของ Apple Pencil มาสู่แอปเพื่อ
การสร้างสรรค์ที่คุณชื่นชอบ
บน Mac คราวนี้คุณจะใช้ Apple Pencil ทำงานออกแบบ
ใน Illustrator, แก้ไขรูปภาพ
ใน Affinity Photo หรือสร้างโมเดล 3 มิติใน ZBrush
ก็ได้ทั้งนั้น เพียงแค่ลากคอนเทนต์ไปยัง iPad ก็เริ่มได้ทันที และก็ยังมีแถบด้านข้าง
ที่นำเอาปุ่มสำคัญต่างๆ อย่าง Command, Control และ Shift มาไว้ให้คุณที่ปลายนิ้วอีกด้วย

ความต่อเนื่องของการทำเครื่องหมายและสเก็ตช์ วาดด้วย Apple Pencil
หรือไม่ก็นิ้วของคุณ

คุณสมบัติ "ความต่อเนื่องของการทำเครื่องหมาย" ให้คุณเซ็นและแก้ไขเอกสาร

หรือวงกลมรายละเอียดสำคัญในภาพได้ เพียงแค่ใช้ Apple Pencil บน iPad หรือ
ใช้
นิ้วบน iPhone แล้วสิ่งที่คุณแก้ไขก็จะอัพเดทบน Mac แบบสดๆ ทันที ส่วนคุณสมบัติ
"ความต่อเนื่องของการสเก็ตช์" ก็ให้คุณสร้างภาพสเก็ตช์บน iPad
หรือ iPhone
สำหรับใส่ลงในเอกสารบน Mac โดยอัตโนมัติได้อีกด้วย

SMS อีกวิธีในการเล่า
เม้าท์ คุย

เมื่อใช้งานทั้ง Mac และ iPhone คุณก็สามารถรับส่ง SMS หรือข้อความในกรอบ
สีเขียว
จาก Mac ได้ทันที โดยข้อความทั้งหมดที่ปรากฏบน iPhone จะไปปรากฏ
บน Mac เช่นกัน
ดังนั้นทุกบทสนทนาจึงอัพเดทตรงกันบนทุกอุปกรณ์ของคุณ
และไม่ว่าเพื่อนจะใช้โทรศัพท์
อะไรก็ตามส่งข้อความมาหา คุณก็สามารถตอบกลับ
ได้จาก Mac หรือ iPhone เครื่องไหนก็ได้
ที่อยู่ใกล้ตัวมากที่สุด1 นอกจากนี้ คุณยัง
ส่งข้อความผ่าน SMS หรือ iMessage บน Mac ได้
เพียงคลิกที่หมายเลขโทรศัพท์
ใน Safari, รายชื่อ, ปฏิทิน หรือ Spotlight

โทรศัพท์วันนี้ Mac รับสายได้
ได้แล้วจริงๆ

รับสาย iPhone บน Mac, Apple Watch หรือ iPad ได้ทันที และยังรับสาย
หรือโทรออกได้
โดยไม่ต้องควานหา iPhone ในเป้หรือเดินไปหยิบเครื่องที่
ชาร์จอยู่อีกห้อง เพียงแค่คลิก
หรือแตะเพื่อรับสายแล้วก็พูดฮัลโหลได้เลย2

รับสาย เมื่อมีสายโทรเข้ามายัง iPhone คุณสามารถรับสายบน Mac,
Apple Watch หรือ iPad ก็ได้ โดยคุณจะเห็นการแจ้งเตือนที่แสดงชื่อ หมายเลข
และรูปโปรไฟล์ของผู้ที่โทรเข้ามา อีกทั้งยังได้ยินเสียงริงโทนเหมือนกับที่คุณ
ตั้งไว้สำหรับคนนั้นบน iPhone อีกด้วย และเมื่อต้องการ
รับสาย ก็แค่คลิกที่
การแจ้งเตือนนั้น แล้ว Mac ก็จะกลายเป็นสปีกเกอร์โฟนให้คุณคุยโทรศัพท์

ได้ทันทีโดยที่ยังทำอะไรก็ตามที่คุณทำอยู่ต่อไปได้

โทรออก การโทรออกจากเครื่อง Mac นั้นก็ทำได้ง่ายเช่นเดียวกับการรับสาย แค่คลิกหมายเลขโทรศัพท์ที่เห็นในรายชื่อ, ปฏิทิน, ข้อความ, Spotlight หรือ Safari แล้วก็โทรออกได้เลย นอกจากนี้คุณยังเริ่มการโทรโดยดูจากประวัติการโทรใน FaceTime หรือจะใช้คีย์บอร์ดกดหมายเลขก็ได้

ความต่อเนื่องของกล้อง สแกนหรือถ่ายรูป
ไปยัง Mac ของคุณได้เลย

ใช้ iPhone เพื่อถ่ายรูปสิ่งที่อยู่ใกล้ๆ หรือสแกนเอกสาร แล้วสิ่งนั้นก็จะไปปรากฏ
บน Mac
ของคุณโดยอัตโนมัติ เพียงแค่เลือก "แทรกรูปภาพ" จากเมนู "ไฟล์" แล้วเลือก "ถ่ายภาพ"
หรือ "สแกนเอกสาร" ดังนั้นถ้าหากว่าคุณถ่ายรูปสิ่งของที่อยู่
บนโต๊ะ รูปนั้นก็จะไปปรากฏบน
เอกสาร Pages ได้ทันที หรือสแกนใบเสร็จรับเงิน
แล้วทันใดนั้นเวอร์ชั่นที่ถูกปรับให้ตรงแล้ว
ก็จะไปปรากฏเป็นไฟล์ PDF พร้อมให้คุณ
ใช้งานใน Finder โดยความต่อเนื่องของกล้อง
ยังสามารถทำงานร่วมกับ Finder, เมล, ข้อความ, โน้ต, Pages, Keynote และ Numbers ได้
และนี่ก็เป็นอีกวิธีการหนึ่ง
ที่ iPhone และ Mac ร่วมงานกันได้เป๊ะ

ปลดล็อคโดยอัตโนมัติ ยังไม่ทันจะทำอะไร
ก็ล็อกอินเรียบร้อยแล้ว

เมื่อใส่ Apple Watch อยู่ คุณก็สามารถล็อกอินเข้าสู่ Mac ได้โดยอัตโนมัติ
โดยไม่ต้อง
พิมพ์รหัสผ่านเลย หรือถ้าต้องรับสายโทรศัพท์เพียงสั้นๆ หรือ
เดินไปที่อื่น ตอนที่กลับมา
คุณก็ลุยงานต่อได้ทันที

Handoff เริ่มต้นที่นี่
จบที่นั่น

สมมติว่าคุณเริ่มเขียนอีเมลบน iPhone แต่อยากมาเขียนต่อให้จบบน Mac หรือ
เริ่มเขียนรายงานบน iMac แต่อยากมาทำต่อบน iPad เพราะต้องเดินทางไปประชุม Handoff ก็ช่วยได้ เพราะเมื่ออุปกรณ์ Mac, iOS หรือ iPadOS ของคุณอยู่ใกล้ๆ กัน ทั้งหมดจะสามารถส่งต่อสิ่งที่คุณทำอยู่ไปยังอีกเครื่องได้โดยอัตโนมัติ3 โดย
บนอุปกรณ์เครื่องที่สองจะมีไอคอนแสดงแอปล่าสุดที่
คุณใช้ปรากฏอยู่ใน Dock
บน Mac หรือ iPad หรือในแถบสลับแอปบน iPhone เพียงแค่คลิกหรือแตะก็สามารถทำงานต่อได้เลยโดยไม่ต้องค้นหาไฟล์ที่ทำอยู่ก่อนหน้านี้ โดย Handoff สามารถทำงานได้ทั้งกับเมล, Safari, โน้ต, Pages, Numbers, Keynote, แผนที่, ข้อความ, เตือนความจำ, ปฏิทิน และรายชื่อ ขณะที่นักพัฒนาก็สามารถพัฒนาแอปของตัวเองให้รองรับ Handoff
ได้ง่ายๆ เช่นกัน

คลิปบอร์ดกลาง คัดลอกจากอุปกรณ์หนึ่ง
แล้ววางบนอีกอุปกรณ์หนึ่ง

คัดลอกภาพ วิดีโอ หรือข้อความจากแอปบน iPhone หรือ iPad แล้ววางลงใน
อีกแอปหนึ่ง
บน Mac ที่อยู่ใกล้ๆ หรือจะทำกลับกันก็ได้ ไม่ต้องมีขั้นตอนอะไรเพิ่ม
เลยจริงๆ เพียงแค่
คัดลอกแล้ววางแบบที่คุณทำเป็นประจำอยู่แล้วนั่นแหละ หรือ
ถ้าเจอสูตรอาหารเด็ดระหว่างที่
ท่องเว็บบน Mac อยู่ ก็สามารถวางรายการส่วนผสมลงในรายการจ่ายตลาดบน iPhone หรือ
iPad ได้เลย แถมคุณยังคัดลอกและวางไฟล์ทั้งหมดระหว่าง Mac สองเครื่องได้อีกด้วย

AirDrop การแชร์ไฟล์ไม่เคยง่าย

เท่านี้มาก่อนเลยจริงๆ

AirDrop ช่วยให้การแชร์ไฟล์ระหว่าง Mac กับอุปกรณ์ iOS หรือ iPadOS กลายเป็นเรื่องง่าย
แค่คลิกไม่กี่ครั้งบน Mac ก็สามารถเลือกไฟล์จากโฟลเดอร์ไหนก็ได้ แล้วใช้ AirDrop ส่งไฟล์นั้นไปยัง Mac, iPhone หรือ iPad ที่อยู่ใกล้ๆ ได้ทันที และเนื่องจาก AirDrop เป็นแบบเชื่อมต่อโดยตรง จึงใช้งานได้โดยไม่ต้องมีเครือข่าย Wi-Fi ซึ่งเหมาะที่สุดสำหรับการแชร์เอกสารกับเพื่อนร่วมงานที่อยู่ห้องข้างๆ หรือส่งงาน
นำเสนอไปให้ลูกค้าที่อยู่อีกฟากของโต๊ะ โดยคุณสามารถใช้ AirDrop ส่งไฟล์จากเมนูแชร์ในแอปหรือจากใน Finder ก็ได้ และเมื่อผู้รับได้รับการแจ้งเตือน ก็สามารถคลิกหรือแตะเพื่อดาวน์โหลดไฟล์ได้ทันที

Instant Hotspot แค่นี้ก็
ออนไลน์ได้แล้ว

ไม่มี Wi‑Fi ไม่มีปัญหา ด้วย Instant Hotspot ที่ทำให้ Mac ของคุณสามารถ
ใช้งานฮอตสปอตส่วนบุคคลจาก iPhone ได้เลยเมื่อทั้งสองเครื่องอยู่ใกล้กัน4 ง่ายๆ
เพียงเลือก iPhone ของคุณจากเมนู Wi-Fi บน Mac แล้วคุณก็ออนไลน์ได้ในพริบตา โดยที่ไม่จำเป็นต้องหยิบ iPhone
ออกจากกระเป๋าเลย และในขณะที่เชื่อมต่อกับ
ฮอตสปอตส่วนบุคคลอยู่นั้น Mac จะแสดง
ความแรงของสัญญาณกับระยะเวลา
การใช้งานแบตเตอรี่ของ iPhone ที่ด้านบนของ
เมนู Wi-Fi โดยเมื่อเลิกใช้งาน
ฮอตสปอตก็จะปิดตัวเองโดยอัตโนมัติเพื่อช่วยประหยัด
แบตเตอรี่ และครั้งต่อไป
ที่คุณต้องการออนไลน์แต่ในบริเวณนั้นไม่มีสัญญาณ Wi-Fi
เครื่อง Mac ก็จะ
ถามคุณว่าต้องการเปิดใช้งานฮอตสปอตอีกหรือไม่ และทันทีที่คลิก
"ตกลง"
คุณก็ออนไลน์ได้เลย