คู่มือผู้ใช้ iPhone
-
ยินดีต้อนรับ
-
-
รุ่นที่รองรับ
-
iPhone 13 mini
-
iPhone 13
-
iPhone 13 Pro
-
iPhone 13 Pro Max
-
iPhone 12 mini
-
iPhone 12
-
iPhone 12 Pro
-
iPhone 12 Pro Max
-
iPhone SE (รุ่นที่ 2)
-
iPhone 11
-
iPhone 11 Pro
-
iPhone 11 Pro Max
-
iPhone XR
-
iPhone XS
-
iPhone XS Max
-
iPhone X
-
iPhone 8
-
iPhone 8 Plus
-
iPhone 7
-
iPhone 7 Plus
-
iPhone 6s
-
iPhone 6s Plus
-
iPhone SE (รุ่นที่ 1)
-
-
มีอะไรใหม่ใน iOS 15
-
-
เครื่องคิดเลข
-
เข็มทิศ
-
-
ดูแผนที่
-
-
ค้นหาสถานที่
-
ค้นหาสถานที่น่าสนใจ ร้านอาหาร และบริการที่อยู่ใกล้เคียง
-
รับข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่
-
ทำเครื่องหมายสถานที่
-
แชร์สถานที่
-
บันทึกสถานที่โปรด
-
สำรวจสถานที่ใหม่ๆ ด้วยสถานที่น่าสนใจ
-
จัดระเบียบสถานที่ในสถานที่น่าสนใจของฉัน
-
รับข้อมูลจราจรและข้อมูลสภาพอากาศ
-
ลบตำแหน่งที่ตั้งสำคัญ
-
ค้นหาการตั้งค่าแผนที่ของคุณอย่างรวดเร็ว
-
-
เรียกรถรับส่ง
-
-
-
ดูรูปภาพ
-
เล่นวิดีโอและสไลด์โชว์
-
ลบและซ่อนรูปภาพและวิดีโอ
-
แก้ไขรูปภาพและวิดีโอ
-
ตัดต่อความยาววิดีโอและปรับสโลว์โมชั่น
-
แก้ไขวิดีโอโหมดแบบภาพยนตร์
-
แก้ไข Live Photos
-
แก้ไขรูปภาพในโหมดภาพถ่ายบุคคล
-
สร้างอัลบั้มรูปภาพ
-
แก้ไขและจัดระเบียบอัลบั้ม
-
ฟิลเตอร์และเรียงรูปภาพในอัลบั้ม
-
ค้นหาในแอปรูปภาพ
-
แชร์รูปภาพและวิดีโอ
-
ดูรูปภาพและวิดีโอที่แชร์กับคุณ
-
โต้ตอบกับรูปภาพโดยใช้ข้อความในภาพและค้นดูจากภาพ
-
ดูความทรงจำ
-
ปรับแต่งความทรงจำให้เข้ากับตัวคุณ
-
ค้นหาผู้คนในแอปรูปภาพ
-
เลือกหารูปภาพตามตำแหน่งที่ตั้ง
-
ใช้ “รูปภาพ iCloud”
-
แชร์รูปภาพด้วยการแชร์อัลบั้มบน iCloud
-
นำเข้ารูปภาพและวิดีโอ
-
พิมพ์รูปภาพ
-
-
คำสั่งลัด
-
หุ้น
-
เคล็ดลับ
-
-
สายชาร์จ
-
อะแดปเตอร์แปลงไฟ
-
ที่ชาร์จและแบตเตอรี่แพ็ค MagSafe
-
เคสและซอง MagSafe
-
ที่ชาร์จแบบไร้สายที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน Qi
-
-
ตั้งค่า AirPods
-
ชาร์จ AirPods
-
เริ่มและหยุดการเล่นเสียง
-
เปลี่ยนระดับเสียงของ AirPods
-
โทรออกและรับสายด้วย AirPods
-
สลับ AirPods ระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ
-
ใช้ Siri กับ AirPods
-
ฟังและตอบกลับข้อความ
-
แชร์เสียงกับหูฟัง AirPods และ Beats
-
เปลี่ยนโหมดควบคุมเสียงรบกวน
-
ควบคุมเสียงตามตำแหน่ง
-
เริ่มการทำงาน AirPods ใหม่หรือเลิกจับคู่ AirPods
-
เปลี่ยนการตั้งค่าเสียง AirPods
-
เปลี่ยนชื่อ AirPods ของคุณ
-
ใช้ EarPods
-
-
Apple Watch
-
HomePod และลำโพง AirPlay 2
-
อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอก
-
อุปกรณ์เสริมบลูทูธ
-
เครื่องพิมพ์
-
-
-
แชร์การเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตของคุณ
-
อนุญาตสายโทรศัพท์บน iPad, iPod touch และ Mac ของคุณ
-
ส่งต่องานระหว่างอุปกรณ์
-
ตัด คัดลอก และวางระหว่าง iPhone กับอุปกรณ์เครื่องอื่น
-
เชื่อมต่อ iPhone และคอมพิวเตอร์ของคุณด้วยสาย
-
เชื่อมข้อมูล iPhone กับคอมพิวเตอร์ของคุณ
-
ถ่ายโอนไฟล์ระหว่าง iPhone กับคอมพิวเตอร์ของคุณ
-
-
-
บทนำเรื่อง CarPlay
-
เชื่อมต่อกับ CarPlay
-
ใช้ Siri
-
ใช้ตัวควบคุมในรถของคุณ
-
รับเส้นทางแบบเลี้ยวต่อเลี้ยว
-
แจ้งเหตุการณ์จราจร
-
เปลี่ยนมุมมองแผนที่
-
โทรออก
-
เล่นเพลง
-
ดูปฏิทินของคุณ
-
ส่งและรับข้อความตัวอักษร
-
อ่านข้อความตัวอักษรขาเข้า
-
เล่นพ็อดคาสท์
-
เล่นหนังสือเสียง
-
ฟังข่าวสาร
-
ควบคุมบ้านของคุณ
-
ใช้แอปอื่นด้วย CarPlay
-
จัดเรียงไอคอนต่างๆ ใหม่บนหน้าโฮมของ CarPlay
-
เปลี่ยนการตั้งค่าใน CarPlay
-
-
-
เริ่มต้นด้วยคุณสมบัติการช่วยการเข้าถึง
-
-
-
เปิดใช้แล้วฝึกหัดใช้ VoiceOver
-
เปลี่ยนการตั้งค่า VoiceOver ของคุณ
-
เรียนรู้คำสั่งนิ้ว VoiceOver
-
สั่งงาน iPhone โดยใช้คำสั่งนิ้ว VoiceOver
-
ควบคุม VoiceOver โดยใช้ตัวหมุน
-
ใช้แป้นพิมพ์บนหน้าจอ
-
เขียนด้วยนิ้วของคุณ
-
ใช้ VoiceOver กับแป้นพิมพ์ภายนอกของ Apple
-
ใช้เครื่องแสดงผลอักษรเบรลล์
-
ป้อนอักษรเบรลล์ให้แสดงบนหน้าจอ
-
กำหนดคำสั่งนิ้วและคำสั่งลัดแป้นพิมพ์เอง
-
ใช้ VoiceOver กับอุปกรณ์ตัวชี้
-
ใช้ VoiceOver สำหรับภาพและวิดีโอ
-
ใช้ VoiceOver ในแอปต่างๆ
-
-
ซูม
-
จอภาพและขนาดข้อความ
-
การเคลื่อนไหว
-
การอ่านเนื้อหา
-
คำบรรยายเสียง
-
-
-
-
ใช้การปกป้องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวในตัว
-
-
ทำให้ Apple ID ของคุณปลอดภัย
-
ลงชื่อเข้าด้วย Apple
-
ป้อนรหัสผ่านที่ปลอดภัยสูงโดยอัตโนมัติ
-
เปลี่ยนรหัสผ่านที่ปลอดภัยต่ำ
-
แชร์รหัสผ่านอย่างปลอดภัยด้วย AirDrop
-
ทำให้รหัสผ่านของคุณใช้งานได้บนอุปกรณ์ทุกเครื่องของคุณ
-
สร้างและจัดการที่อยู่สำหรับซ่อนอีเมลของฉัน
-
ป้อนรหัสการตรวจสอบยืนยันโดยอัตโนมัติ
-
ป้อนรหัส SMS โดยอัตโนมัติ
-
จัดการการตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัยสำหรับ Apple ID ของคุณ
-
-
-
-
ข้อมูลด้านความปลอดภัยที่สำคัญ
-
ข้อมูลด้านการดูแลที่สำคัญ
-
ค้นหาแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับซอฟต์แวร์และบริการ
-
แถลงการณ์การปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของ FCC
-
แถลงการณ์การปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของ ISED Canada
-
ข้อมูลแถบความถี่กว้างยิ่งยวด
-
ข้อมูลเกี่ยวกับเลเซอร์คลาส 1
-
Apple กับสิ่งแวดล้อม
-
ข้อมูลด้านการกำจัดและการรีไซเคิล
-
-
ลิขสิทธิ์
ตั้งค่าเวลาหน้าจอสำหรับตัวคุณเองบน iPhone
เมื่อใช้เวลาหน้าจอ คุณสามารถจัดการการใช้แอปของคุณ กำหนดเวลาเพื่อให้อยู่ห่างจากอุปกรณ์ของคุณ และอื่นๆ ได้ คุณสามารถเปลี่ยนหรือปิดใช้การตั้งค่าเหล่านี้ได้ตลอดเวลา
กำหนดเวลาเพื่อให้อยู่ห่างจากหน้าจอ
ในเวลาหน้าจอ คุณสามารถปิดกั้นแอปและการแจ้งเตือนเป็นช่วงเวลาหนึ่งเมื่อคุณต้องการเวลาอยู่ห่างจากอุปกรณ์ของคุณ ตัวอย่างเช่น คุณอาจต้องการกำหนดเวลาไม่ใช้งานในระหว่างมื้ออาหารหรือเวลานอน
ไปที่การตั้งค่า
> เวลาหน้าจอ จากนั้นเปิดใช้เวลาหน้าจอหากคุณยังไม่ได้เปิดใช้
แตะ เวลาไม่ใช้งาน แล้วเปิดใช้ เวลาไม่ใช้งาน
เลือก ทุกวัน หรือ กำหนดวัน แล้วตั้งเวลาเริ่มต้นและเวลาสิ้นสุด
เปิดใช้เวลาไม่ใช้งานตามต้องการ
ในระหว่างเวลาไม่ใช้งาน มีเฉพาะสายโทร ข้อความ และแอปที่คุณเลือกเท่านั้นที่สามารถใช้ได้ คุณสามารถรับสายโทรจากผู้ติดต่อที่คุณเลือกให้อนุญาตการสื่อสารในระหว่างเวลาไม่ใช้งาน และคุณสามารถใช้แอปที่คุณเลือกให้อนุญาตตลอดเวลาได้
เมื่อคุณเปิดใช้เวลาไม่ใช้งานตามต้องการ เตือนความจำเวลาห้านาทีจะถูกส่งก่อนที่จะเปิดใช้งานเวลาไม่ใช้งาน เตือนความำจะเปิดอยู่ตลอดจนถึงสิ้นสุดวัน หรือจนกว่าเวลาไม่ใช้งานของคุณจะเริ่มต้นขึ้นหากคุณกำหนดเวลาไว้
ไปที่การตั้งค่า
> เวลาหน้าจอ จากนั้นเปิดใช้เวลาหน้าจอหากคุณยังไม่ได้เปิดใช้
แตะ เวลาไม่ใช้งาน แล้วแตะ เปิดใช้เวลาไม่ใช้งานจนถึงพรุ่งนี้ หรือ เปิดใช้เวลาไม่ใช้งานจนถึงกำหนดเวลา (หากเปิดใช้กำหนดเวลาอยู่)
ในการปิดใช้เวลาไม่ใช้งานตามต้องการ ให้แตะ ปิดใช้เวลาใช้งาน
หมายเหตุ: คุณยังสามารถเปิดใช้เวลาไม่ใช้งานตามต้องการสำหรับสมาชิกครอบครัว ไม่ว่าจะโดยตรงบนอุปกรณ์ของสมาชิกในครอบครัว หรือผ่านการแชร์กันในครอบครัวบนอุปกรณ์ของคุณได้อีกด้วย
ตั้งค่าการจำกัดสำหรับการใช้แอป
คุณสามารถตั้งค่าการจำกัดเวลาสำหรับหมวดหมู่ของแอปต่างๆ (เช่น เกมหรือสังคมออนไลน์) และสำหรับแต่ละแอปได้
ไปที่การตั้งค่า
> เวลาหน้าจอ จากนั้นเปิดใช้เวลาหน้าจอหากคุณยังไม่ได้เปิดใช้
แตะ การจำกัดการใช้แอป แล้วแตะ เพิ่มการจำกัด
เลือกหมวดหมู่แอปอย่างน้อยหนึ่งหมวดหมู่
ในการตั้งค่าการจำกัดสำหรับแต่ละแอป ให้แตะชื่อหมวดหมู่เพื่อดูแอปทั้งหมดในหมวดหมู่นั้น แล้วเลือกแอปที่คุณต้องการจำกัด ถ้าคุณเลือกหลายหมวดหมู่หรือหลายแอป การจำกัดเวลาที่คุณตั้งไว้จะใช้กับหมวดหมู่หรือแอปทั้งหมด
แตะ ถัดไป แล้วตั้งค่าระยะเวลาที่อนุญาต
ในการตั้งค่าระยะเวลาสำหรับแต่ละวัน ให้แตะ กำหนดวัน แล้วตั้งค่าการจำกัดเฉพาะวัน
เมื่อคุณตั้งค่าการจำกัดเสร็จแล้ว ให้แตะ เพิ่ม
ในการปิดใช้การจำกัดการใช้แอปทั้งหมดชั่วคราว ให้แตะ การจำกัดการใช้แอป บนหน้าจอการจำกัดการใช้แอป ในการปิดใช้การจำกัดเวลาชั่วคราวสำหรับหมวดหมู่ใดโดยเฉพาะ ให้แตะหมวดหมู่ จากนั้นปิดใช้ การจำกัดการใช้แอป
ในการเอาการจำกัดเวลาออกสำหรับหมวดหมู่ ให้แตะหมวดหมู่ จากนั้นแตะ ลบการจำกัด
ตั้งค่าการจำกัดการสื่อสาร
ในเวลาหน้าจอ คุณสามารถอนุญาตหรือปิดกั้นการสื่อสารได้ รวมถึงสายโทรเข้าและสายโทรออก การโทร FaceTime และข้อความต่างๆ จากผู้ติดต่อบางคนใน iCloud ไม่ว่าจะตลอดเวลาหรือในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง
ถ้าคุณไม่ได้เปิดใช้แอปรายชื่อไว้อยู่แล้วบน iCloud ให้ไปที่ การตั้งค่า
> [ชื่อของคุณ] > iCloud แล้วเปิดใช้แอปรายชื่อ
ไปที่การตั้งค่า
> เวลาหน้าจอ จากนั้นเปิดใช้เวลาหน้าจอหากคุณยังไม่ได้เปิดใช้
แตะ การจำกัดการสื่อสาร แตะ ในระหว่างเวลาหน้าจอ จากนั้นเลือกตัวเลือกใดต่อไปนี้สำหรับการสื่อสารตลอดเวลา (ไม่ใช่เวลาไม่ใช้งาน):
รายชื่อเท่านั้น: เพื่ออนุญาตการสื่อสารกับรายชื่อของคุณเท่านั้น
รายชื่อและกลุ่มที่มีอย่างน้อยหนึ่งรายชื่อ เพื่ออนุญาตการสนทนาแบบหนึ่งต่อหนึ่งกับคนในรายชื่อและการสนทนาแบบกลุ่มของคุณที่มีอย่างน้อยหนึ่งคนอยู่ในรายชื่อของคุณ
ทุกคน: เพื่ออนุญาตการสนทนากับทุกๆ คน รวมถึงเบอร์ที่ไม่รู้จัก
แตะ ย้อนกลับ ที่ด้านบนสุด จากนั้นแตะ ในระหว่างเวลาไม่ใช้งาน
ตัวเลือกที่คุณเลือกสำหรับในระหว่างเวลาหน้าจอได้ถูกตั้งค่าไว้ที่นี่แล้ว คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่านี้เป็น เฉพาะรายชื่อ จากนั้นเลือกตัวเลือกใดตัวเลือกหนึ่งต่อไปนี้:
เลือกจากรายชื่อของฉัน: เพื่อเลือกผู้ติดต่อที่อนุญาตการสื่อสารในระหว่างเวลาไม่ใช้งาน
เพิ่มรายชื่อใหม่: เพื่อเพิ่มคนไปยังรายชื่อของคุณแล้วอนุญาตการสื่อสารกับคนๆ นั้นในระหว่างเวลาไม่ใช้งาน
ถ้ามีใครบางคนที่ถูกปิดกั้นโดยการตั้งค่าการจำกัดการสื่อสารของคุณอยู่ในตอนนี้พยายามที่จะโทรหรือส่งข้อความหาคุณ การสื่อสารจากคนๆ นั้นจะไม่สามารถทำได้
ถ้าคุณพยายามโทรหรือส่งข้อความหาใครบางคนที่ถูกปิดกั้นโดยการตั้งค่าการจำกัดการสื่อสารของคุณอยู่ในตอนนี้ ชื่อและเบอร์ของคนๆ นั้นจะแสดงขึ้นเป็นสีแดงในรายการของสายโทรหรือข้อความล่าสุดของคุณ และการสื่อสารจะไม่สามารถทำได้ คุณสามารถสื่อสารกับคนเหล่านั้นได้เมื่อการจำกัดการสื่อสารมีการเปลี่ยนแปลง ถ้าการจำกัดดังกล่าวปรับใช้เฉพาะกับเวลาที่ไม่ใช้งาน คุณจะได้รับข้อความเกี่ยวกับการจำกัดเวลา คุณสามารถกลับไปดำเนินการสื่อสารต่อกับคนเหล่านั้นได้เมื่อเวลาไม่ใช้งานสิ้นสุดลง
ในการสื่อสารต่อกับรายชื่อที่ถูกปิดกั้นอยู่โดยการตั้งค่าการจำกัดการสื่อสารของคุณ ให้เปลี่ยนการตั้งค่าโดยทำตามขั้นตอนด้านบน
เลือกแอปหรือรายชื่อที่คุณต้องการอนุญาตตลอดเวลา
ในเวลาหน้าจอ คุณสามารถระบุแอปที่สามารถใช้ได้ และผู้ติดต่อที่คุณสามารถสื่อสารด้วยตลอดเวลา แม้ว่าจะอยู่ในระหว่างเวลาไม่ใช้งาน (ตัวอย่างเช่น ในกรณีของเหตุฉุกเฉิน)
ไปที่การตั้งค่า
> เวลาหน้าจอ > อนุญาตเสมอ
ที่ด้านล่างแอปที่ได้รับอนุญาต ให้แตะ
หรือ
ถัดจากแอปเพื่อเพิ่มหรือเอาแอปออกจากรายการแอปที่ได้รับอนุญาต
ในการระบุรายชื่อที่คุณต้องการอนุญาตการสื่อสารด้วย ให้แตะ รายชื่อ
ตัวเลือกที่คุณเลือกในการจำกัดการสื่อสารจะแสดงขึ้นที่นี่ คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่านี้เป็น เฉพาะรายชื่อ จากนั้นเลือกตัวเลือกใดตัวเลือกหนึ่งต่อไปนี้:
เลือกจากรายชื่อของฉัน: เพื่อเลือกคนที่เฉพาะเจาะจงในการอนุญาตการสื่อสารด้วย
เพิ่มรายชื่อใหม่: เพื่อเพิ่มรายชื่อใหม่แล้วอนุญาตการสื่อสารกับคนๆ นั้น
แตะ ย้อนกลับ ที่ด้านซ้ายบนสุด
ตั้งค่าข้อจำกัดเนื้อหาและความเป็นส่วนตัว
คุณสามารถปิดกั้นเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมและตั้งค่าข้อจำกัดสำหรับการซื้อสินค้าใน iTunes Store และ App Store ได้
ไปที่ การตั้งค่า
> เวลาหน้าจอ
แตะ จำกัดเนื้อหาและความเป็นส่วนตัว จากนั้นเปิดใช้ จำกัดเนื้อหาและความเป็นส่วนตัว
คุณยังสามารถตั้งรหัสที่ต้องใช้ก่อนเปลี่ยนการตั้งค่าได้อีกด้วย
เลือกตัวเลือกเพื่อตั้งค่าการอนุญาตเนื้อหาสำหรับสินค้าที่ซื้อจาก iTunes Store และ App Store, การใช้แอป, ระดับความเหมาะสมของเนื้อหา และอื่นๆ
ในการแชร์การตั้งค่าและรายงานเวลาหน้าจอบนอุปกรณ์ทุกเครื่องของคุณ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณลงชื่อเข้าด้วย Apple ID เดียวกันและเปิดใช้แชร์ทุกอุปกรณ์อยู่